สโตนเฮนจ์
สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) เป็นอนุสรณ์สถานยุคก่อนประวัติศาสตร์ กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ตัวอนุสรณ์สถานประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน
ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น
บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน
นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ
3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล
กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ
2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะที่ทฤษฎีอื่น
ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล
นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า
คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน
ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
และบริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้
ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมดมาจากที่อื่น
ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
สโตนเฮนจ์และบริเวณโดยรอบได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1986 และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย
มาดูภาพมุมสวย ๆ ของ สโตนเฮนจ์ กันค่ะ
สโตนเฮนจ์ ( Stonehenge ) หนึ่งในโบราณสถานลึกลับที่ยังคงหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้
ว่าใครเป็นผู้สร้าง? สร้างเพื่ออะไร? สร้างได้อย่างไร?
แต่ก่อนอื่น
เราลองมาทำความรู้จักกับกลุ่มแท่งหินปริศนานี้กันดีกว่าน่ะค่ะ
สโตนเฮนจ์ ตั้งอยู่กลาง "ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่" (Salisbury
Plain) บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะบริเวณโดยรอบนั้นไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดเลย
มีจำนวนแท่งหินทั้งหมด 112 ก้อน ตั้งเรียงเป็นวงกลมซ้อนกัน 3
วง และวางเรียงในลักษณะที่ต่างกัน ทั้งวางนอน วางพาดกัน
และวางตั้งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณอายุของหินกลุ่มนี้
พบว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3,000–2,000 ปีก่อนคริสตกาลนู่นเลย
สรุปคืออายุกว่า 5,000 ปีแล้ว!
การก่อสร้างสโตนเฮนจ์ใช้เวลาสร้างต่อเนื่องกันมาถึง 3-4 ระยะในช่วงเวลาประมาณ
1,500 ปี คำนวนจากการที่หินแต่ละก้อน
แต่ละชั้นมีอายุไม่เท่ากัน มาจากต่างยุคกัน
ตั้งแต่ยุคหินตอนปลายจนถึงยุคสำริดตอนต้น สิ่งที่น่าสงสัยคือ
บริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้อยู่เลย
ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" (Marlborough
Downs) ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
และยังมีหินสีน้ำเงินหนักสี่ตัน
ซึ่งพบได้บริเวณภูเขาพรีเซลีทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเวลส์
(สันนิษฐานว่าใช้แพลำเลียงล่องมาตามชายฝั่งเวลส์และแม่น้ำเอวอน
แล้วชักลากต่อมาทางบก)
เรื่องน่าพิศวงต่อมาคือ
คนในยุคนั้นเขาเอาอะไรมายกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน
แถมยังต้องลากมาจากสถานที่อื่นอันห่างไกล ดูแล้วสมัยนั้นไม่น่ามีเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน?
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ต้องนำหินมาขัดแต่งให้มีความเหลี่ยม ความมน
มีสลัก และเดือยซึ่งจะทำให้หินพาดกันได้อย่างพอดี มีความมั่นคง
กล่าวกันว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้าง
บ้างก็ว่าเป็นผลงานศิลปะของยักษ์ในยุคก่อน
สุดท้ายก็ยังไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้าง มีข้อสันนิษฐานมากมาย
ยกตัวอย่างที่มีคนพูดถึงกันมาก เช่น
สร้างเพื่อศึกษาด้านดาราศาสตร์ สังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคา เป็นเครื่องคำนวณยุคก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งใช้เป็นปฏิทินดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
เพราะแนวของหินกลุ่มก้องต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์กับแนวการเคลื่อนของดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์ และดาวพระเคราะห์ทั้งสิ้น
ใช้เป็นสถานที่รักษา
ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงและดนตรีจากมหาวิทยาลัยฮัดเดอร์ฟิลด์ค้นพบว่า
แท่งหินมหึมาที่ตั้งตระหง่านเป็นวงกลมเหนือเนินดินสามารถสะท้อนเสียงได้อย่างวิเศษ
นักวิจัยคาดว่าดนตรีที่เล่นกันบริเวณสโตนเฮนจ์คงเป็นเพลงที่มีจังหวะธรรมดาซ้ำๆ และให้สะท้อนก้องอยู่ในบริเวณนั้น
ตรงกันกับเทคโนโลยีกลศาสตร์นาโน
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงงานวิจัยด้านการแพทย์ ด้านการผ่าตัด การผลิตอาหาร
และเชื้อเพลิง
เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพ และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความตายของกลุ่มชนชั้นสูงในยุคก่อนประวัติศาสตร์
จากการขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณฝังอยู่ในบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่ประมาณเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่สโตนเฮนจ์เริ่มถูกสร้างขึ้น
และคาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพสำหรับชนชั้นสูงในสมัยยุคหินยาวนานต่อเนื่องกันไม่ต่ำกว่า
500 ปี อย่างไรก็ดี
แม้ผลการพิสูจน์โครงกระดูกที่ถูกขุดมา จากบริเวณสโตนเฮนจ์จะบ่งชี้ว่าสโตนเฮนจ์ถูกใช้เป็นสุสาน
ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือจุดประสงค์แรกมนุษย์ยุคก่อนสร้างสโตนเฮนจ์ขึ้นมา
ถึงทฤษฎีทั้งหลายในปัจจุบัน จะสามารถพิสูจน์ได้เป็นเหตุเป็นผล
มีหลักฐาน มีตัวเลขสถิติสนับสนุนว่าเป็นความจริง
แต่ก็ยังไม่มีทฤษฎีไหนเลยที่จะไขปริศนาอันลึกลับดำมืดของ "สโตนเฮนจ์" ได้อย่างกระจ่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ใครเป็นผู้สร้าง? ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหา ติดตามกันต่อไปค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น